PEDIGREE TH
ค้นหา
    สุขภาพของสุนัข

    โรคปริทันต์ (เหงือก) ในสุนัข – สาเหตุ อาการ ระยะ และการป้องกัน

    Periodontal Disease

    โรคปริทันต์ในสุนัข เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับเหงือกและอวัยวะที่ยึดเหนี่ยวฟัน จัดเป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยที่สุดในสุนัข สาเหตุเริ่มต้นจากการสะสมของเชื้อแบคทีเรียจนเกิดเป็นคราบพลัคและหินปูน ซึ่งทำลายโครงสร้างที่รองรับฟัน ส่งผลให้เกิดโรคเหงือกอักเสบในสุนัขและพัฒนากลายเป็นโรคปริทันต์อักเสบ

    โรคนี้อาจทำให้น้องหมาเกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง มีกลิ่นปาก และฟันหลุดร่วง ผู้เลี้ยงจึงควรทำความเข้าใจระยะของโรคปริทันต์ในสุนัข เนื่องจากการตรวจพบและการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยป้องกันความเสียหายที่ไม่สามารถรักษาได้ ตั้งแต่ภาวะอักเสบไปจนถึงการติดเชื้อและการสูญเสียฟัน การดูแลรักษาและตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำจะช่วยให้เราจับสัญญาณของโรคและรักษาได้อย่างทันท่วงที

    ระยะของโรคปริทันต์ในสุนัข

    โรคปริทันต์แบ่งตามลักษณะอาการออกเป็น 4 ระยะ การทำความเข้าใจระยะของโรคจะช่วยให้เราวินิจฉัยและเริ่มรักษาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

    ระยะที่ 1 - เหงือกอักเสบ

    เหงือกอักเสบจะเกิดขึ้นในระยะแรกของโรค เหงือกที่อักเสบจะมีลักษณะบวมแดง แต่การอักเสบจะยังไม่เกิดขึ้นในบริเวณอื่น ๆ

    ระยะที่ 2 - โรคปริทันต์ระยะเริ่มต้น

    ในระยะนี้ การอักเสบหรือระดับความเสียหายของอวัยวะปริทันต์ที่ทำหน้าที่ยึดเหนี่ยวฟันมีมากกว่า 25% ทำให้โครงสร้างที่รองรับฟันอ่อนแอลง

    ระยะที่ 3 - โรคปริทันต์ระยะกลาง

    ระดับความเสียหายอยู่ที่ 25 – 50% ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสุขภาพช่องปาก

    ระยะที่ 4 - โรคปริทันต์ระยะสุดท้าย

    ในระยะสุดท้ายของโรค ระดับความเสียหายของโครงสร้างปริทันต์จะมากกว่า 50% ถือเป็นระยะการติดเชื้อเหงือกสุนัขขั้นรุนแรง ซึ่งจะนำไปสู่การสูญเสียฟันและโรคเหงือกอักเสบของสุนัขขั้นรุนแรง

    สัญญาณเตือนและอาการของโรคปริทันต์ในสุนัข

    โรคปริทันต์ในสุนัขเป็นภัยเงียบที่ผู้เลี้ยงส่วนใหญ่มองข้ามไป เพราะอาการจะไม่แสดงในทันที ต้องหมั่นสังเกตอยู่เสมอ การตระหนักถึงสัญญาณเตือนของโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงมีความสำคัญมากต่อการรักษาและการบรรเทาความเจ็บปวด โดยสัญญาณเตือนสำคัญที่ควรระวังมีดังนี้

    1. อาการเริ่มแรก

    • มีกลิ่นปาก 
    • เหงือกอักเสบ บวมแดง
    • มีหินปูนบนผิวฟัน
    • มีเลือดออกเล็กน้อยตามแนวเหงือก

    2. อาการระยะที่สอง

    • น้ำลายไหลมาก
    • ชอบเคี้ยวปากข้างใดข้างหนึ่ง
    • ฟันโยก ริมฝีปากสั่น
    • มองเห็นรากฟัน

    3. อาการขั้นรุนแรง

    • ฟันโยกหรือหลุด
    • ไม่สามารถเคี้ยวอาหารเม็ดหรือขนมได้
    • พบเจอเลือดบริเวณของเล่นหรือชามน้ำ
    • หน้าบวม (แสดงว่ามีฝีหนอง)

    4. พฤติกรรมเปลี่ยน

    • ความอยากอาหารลดลง
    • มีอาการหงุดหงิด
    • เกาปาก
    • ไม่สามารถเปิดหรือปิดปากได้สนิท

    5. ปัญหาสุขภาพทั่วไป

    • น้ำหนักลด
    • จามหรือน้ำมูกไหล
    • มีของเหลวไหลออกจากปาก
    • มีอาการซึม ไม่ทำกิจกรรม

    หากคุณสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ โปรดปรึกษาสัตวแพทย์ทันที การตรวจและวินิจฉัยโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ สามารถป้องกันความเสียหายและช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้

    สาเหตุของโรคปริทันต์ในสุนัข

    การทำความเข้าใจสาเหตุของโรคปริทันต์จะช่วยให้คุณป้องกันการเกิดโรคและปกป้องสุขภาพช่องปากของเจ้าตัวน้อยได้ดียิ่งขึ้น โดยปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดโรคปริทันต์และโรคเหงือกในสุนัขมีดังนี้

    1. แบคทีเรียและคราบพลัค

    สาเหตุหลักของโรคปริทันต์ในสุนัขคือคราบแบคทีเรีย แบคทีเรียในปากจะสะสมและก่อตัวเป็นสารเหนียวที่เรียกว่าคราบพลัค เมื่อเวลาผ่านไป แร่ธาตุในน้ำลายจะทำให้คราบพลัคแข็งตัวกลายเป็นหินปูน ทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบของสุนัข

    2. ละเลยการดูแลช่องปาก

    สุขอนามัยที่ไม่ดีจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคในช่องปาก ทำให้เกิดการสะสมของคราบพลัคและหินปูน ซึ่งส่งผลให้อาการของโรคปริทันต์และโรคเหงือกในสุนัขรุนแรงขึ้น

    3. ลักษณะสายพันธุ์

    สุนัขบางสายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่มีช่วงปากเล็กและสั้น มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเหงือกมากกว่าเพื่อน เพราะโครงสร้างฟันและกรามที่เล็กทำให้เศษอาหารติดฟันได้ง่ายขึ้น ส่งเสริมการสะสมของคราบพลัคและการติดเชื้อเหงือกสุนัข

    4. การบาดเจ็บและบาดแผล

    การบาดเจ็บหรือบาดแผลในช่องปากก็ทำให้เกิดโรคปริทันต์ได้เช่นกัน ฟันหรือเหงือกที่เสียหายจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียมากกว่าปกติ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเหงือกของสุนัข

    วิธีการป้องกันโรคปริทันต์ในสุนัข

    การป้องกันโรคปริทันต์มีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมของสุนัข และต่อไปนี้คือคำแนะนำในการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ

    1. แปรงฟันให้น้องหมาเป็นประจำ

    การแปรงฟันสุนัขเป็นประจำโดยใช้ยาสีฟันและแปรงสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะสามารถป้องกันการสะสมของคราบจุลินทรีย์และโรคเหงือกอักเสบในสุนัขได้ หลีกเลี่ยงการใช้ยาสีฟันของคนเนื่องจากมีฟลูออไรด์ซึ่งเป็นพิษต่อสุนัข

    2. หมั่นตรวจสอบช่องปาก

    ตรวจสอบช่องปากของน้องหมาเป็นประจำเพื่อเช็กกลิ่นปาก รอยแดง คราบหินปูนหรือฟันที่โยก การตรวจพบความผิดปกติแต่เนิ่น ๆ สามารถป้องกันการลุกลามของโรคเหงือกในสุนัขได้

    3. เลือกอาหารและขนมสูตรพิเศษ

    เลือกให้อาหารและขนมสุนัขสูตรควบคุมหินปูนและส่งเสริมสุขภาพช่องปาก สามารถปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุดได้

    4. ตรวจสุขภาพช่องปากทุกปี

    นัดตรวจช่องปากกับสัตวแพทย์อย่างละเอียดเป็นประจำทุกปี สุนัขที่เสี่ยงต่อโรคอาจต้องตรวจทุก ๆ หกเดือนเพื่อติดตามสัญญาณเตือนของโรค

    การรักษาโรคปริทันต์ในสุนัข

    การรักษาโรคปริทันต์อาศัยการดูแลจากสัตวแพทย์ร่วมกับการดูแลช่องปากที่บ้านอย่างเคร่งครัด ขั้นตอนสำคัญในการจัดการและรักษาโรคเหงือกของสุนัขอย่างมีประสิทธิภาพมีดังนี้

    1. การทำความสะอาดช่องปากโดยผู้เชี่ยวชาญ

    การทำความสะอาดช่องปากและฟันโดยสัตวแพทย์ภายใต้การดมยาสลบถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาโรคปริทันต์ในระยะต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการตรวจสุขภาพช่องปาก การเอกซเรย์ฟัน การขูดหินปูน และการขัดฟัน ในบางกรณีอาจต้องถอนฟันด้วย

    2. การแปรงฟันอย่างถูกต้อง

    การแปรงฟันเป็นประจำช่วยป้องกันโรคเหงือกของสุนัขได้ แนะนำให้เลือกใช้ยาสีฟันสำหรับสุนัขโดยเฉพาะเพื่อจัดการกับคราบพลัคและหินปูน

    การดูแลรักษาความสะอาด การตรวจสุขภาพ การแปรงฟันอย่างเหมาะสม และการกินอาหารที่ดีคือขั้นตอนสำคัญในการป้องกันโรคเหงือกและโรคฟันในสุนัข อีกทั้งยังช่วยให้น้องหมามีความสุขและมีสุขภาพที่ดีขึ้นด้วย

    คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคปริทันต์ในสุนัข

    โรคปริทันต์ในสุนัขรักษาอย่างไร?

    การรักษาโรคปริทันต์ในสุนัขสามารถทำได้ด้วยการทำความสะอาดช่องปาก การขูดหินปูน และการขัดฟัน กระบวนการเหล่านี้ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะมีการดมยาสลบ และในกรณีที่รุนแรงอาจมีการถอนฟัน การแปรงฟันให้น้องหมาที่บ้านเป็นประจำก็สามารถจัดการและป้องกันโรคเหงือกอักเสบของสุนัขได้เช่นกัน

    อะไรคืออาหารที่ดีสำหรับน้องหมาที่ป่วยเป็นโรคปริทันต์?

    การป้องกันโรคปริทันต์ในสุนัขมีวิธีใดบ้าง?

    น้องหมาที่ป่วยเป็นโรคปริทันต์อยู่ได้นานแค่ไหน?

    Pedigree imagery
    ช้อปผลิตภัณฑ์เพดดิกรี®
    Close popup