ปัญหาไรหูสุนัข มีอาการอย่างไร & วิธีป้องกันไรหูสุนัข

ไรในหูสุนัข หรือ Otodectes Cynotis เป็นปรสิตขนาดเล็กและติดต่อได้ง่าย ไรในหูถือเป็นศัตรูตัวฉกาจที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของน้องหมา การทำความเข้าใจวงจรชีวิตของไรในหู ตลอดจนอาการ สาเหตุ และวิธีการรักษาจึงเป็นสิ่งสำคัญ ติดตามบทความนี้เพื่อค้นหาว่าไรในหูคืออะไร มันส่งผลต่อสุขภาพหรือไม่ รวมถึงจะมีวิธีป้องกันและวิธีรักษาไรในหูสุนัขอย่างไรบ้าง

ทำความเข้าใจวงจรชีวิตของไรหูสุนัข

ตัวไรเป็นปรสิตที่อาศัยอยู่บนสัตว์หลายชนิด ทั้งหมา แมว กระต่าย และตัวเฟอร์เร็ต โดยจะอยู่ในช่องหูเป็นหลัก แต่อาจพบได้บริเวณผิวหนังเช่นกัน เจ้าปรสิตชนิดนี้กินขี้หูและน้ำมันจากผิวหนัง ก่อให้เกิดการอักเสบและอาการระคายเคืองบนผิวหนังของโฮสต์ ไรหูหมาจะพัฒนาเป็นระยะต่าง ๆ จนครบสมบูรณ์ภายในเวลาประมาณสามสัปดาห์ โดยไรหูตัวเต็มวัยจะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณสองเดือน

ไรหูสุนัข อาการที่พบได้บ่อยมีอะไรบ้าง?

น้องหมาที่ติดเชื้อไรในหูอาจแสดงอาการหลากหลาย เช่น

1. มีอาการระคายเคืองในช่องหู ส่งผลให้น้องหมาเกาหูบ่อยขึ้น
2. สะบัดหัวบ่อย
3. ขี้หูสีเข้ม มีกลิ่นแรง
4. ขนร่วงรอบใบหู
5. มีผื่นคันหรือแผลที่ผิวหนัง
6. มีอาการเลือดคั่งบริเวณใบหู (ใบหูบวมและลู่ลง) เนื่องจากการเกาอย่างรุนแรง

อาการเหล่านี้สร้างความรำคาญและความเจ็บปวดให้น้องหมาเป็นอย่างมาก หากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อยีสต์ รวมไปถึงการบาดเจ็บของช่องหูและแก้วหู

ไรหูสุนัขเกิดจากสาเหตุใด?

การติดเชื้อไรหูสุนัขเกิดจากการสัมผัสคลุกคลีกับสัตว์ที่ติดเชื้อ โดยลูกสุนัขและลูกแมวจะติดเชื้อได้ง่ายเป็นพิเศษ บ้านที่มีสัตว์เลี้ยงหลายตัวก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อไรหูสุนัขสูงเช่นกัน

การวินิจฉัยโรคไรในหูสุนัข

สัตวแพทย์จะวินิจฉัยโรคไรในหูสุนัขโดยสังเกตจากอาการที่แสดงออกมา อาจมีการตรวจช่องหูและใช้กล่องจุลทรรศน์ตรวจสอบขี้หูของน้องหมา นอกจากนี้คุณหมออาจเก็บตัวอย่างผิวหนังเพื่อยืนยันการวินิจฉัยและแยกแยะสาเหตุอื่น ๆ ที่เป็นไปได้ด้วย

คนสามารถติดเชื้อไรในหูจากสุนัขได้หรือไม่?

มีโอกาสน้อยมากที่คนจะติดเชื้อไรในหูสุนัข เนื่องจากตัวไรมักจะอยู่ไม่รอดและไม่สามารถแพร่พันธุ์บนผิวหนังมนุษย์ได้ แต่อาจก่อให้เกิดผื่นคันชั่วคราว การกำจัดไรในหูหมาอย่างเหมาะสมจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้

วิธีรักษาไรในหูสุนัข

การรักษาไรหูสุนัขทำได้โดยการทำความสะอาดหูน้องหมาเป็นประจำและการใช้ยาที่สัตวแพทย์กำหนด สัตว์เลี้ยงทุกตัวในบ้านควรได้รับการดูแลป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดและการติดเชื้อซ้ำ สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม ไม่แนะนำให้รักษาด้วยตนเองที่บ้าน เพราะอาจส่งผลให้อาการของน้องหมาแย่ลง

การดูแลป้องกันหลังการรักษาไรหูสุนัข

หลังจากได้รับการรักษาการติดเชื้อไรในหู น้องหมาจะรู้สึกเจ็บปวดน้อยลงและค่อย ๆ กลับสู่สภาพปกติ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้ว เจ้าของก็ยังคงต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตวแพทย์และทำการรักษาให้ครบถ้วน เพื่อให้แน่ใจว่าไรในหูหมาทั้งหมดถูกกำจัดและลดโอกาสในการติดเชื้อซ้ำ

สัตวแพทย์อาจขอตรวจช่องหูเพื่อติดตามผลหรืออาจต้องรับการรักษาเพิ่มเติมหากจำเป็น อย่างไรก็ตาม น้องหมาที่ติดเชื้ออย่างรุนแรงหรือติดเชื้อซ้ำจำเป็นต้องได้รับการดูแลเพิ่มเติม รวมถึงอาจต้องรับยาปฏิชีวนะหรือยาต้านการอักเสบด้วย

วิธีป้องกันการติดเชื้อไรหูสุนัข

เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดและการติดเชื้อไรในหู เจ้าของควรใช้มาตรการป้องกันดังต่อไปนี้

1. ตรวจเช็กช่องหูของน้องหมาเป็นประจำ เพื่อสังเกตสัญญาณเตือนของปัญหาไรในหูหรือปัญหาอื่น ๆ ทั้งรอยแดง อาการบวม มีของเหลวไหลออกมาจากหู หรือมีกลิ่นรุนแรง
2. รักษาสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยของน้องหมาให้สะอาด
3. ดูแลน้องหมาอย่างเหมาะสมเพื่อให้ผิวหนังและเส้นขนของพวกเค้าแข็งแรง
4. ทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ตัดแต่งขนหลังการใช้งานทุกครั้ง
5. ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันเห็บหมัดและปรสิตตามที่สัตวแพทย์แนะนำ
6. แยกสัตว์เลี้ยงตัวใหม่หรือตัวที่สงสัยว่าติดเชื้อไรในหูออกจากสมาชิกตัวอื่น แยกกันจนกว่าจะได้รับการรักษาและกำจัดโดยสัตวแพทย์
7. ไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำเพื่อตรวจสุขภาพและปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพต่าง ๆ

ไรในหูอาจทำให้น้องหมารู้สึกไม่สบายตัวและนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา เจ้าของจึงควรหมั่นสังเกตอาการและปรึกษาสัตวแพทย์ทันทีเมื่อพบว่าน้องหมามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หากได้รับการรักษาและป้องกันอย่างทันท่วงที น้องหมาของคุณก็จะแข็งแรง มีความสุข และปราศจากปรสิตที่น่ารำคาญเหล่านี้