PEDIGREE TH
ค้นหา

สุนัขสายพันธุ์บีเกิ้ล (Beagle)

large_761dab6c-8f32-4c30-8179-34b9d785b3a7.jpg

สุนัขพันธุ์บีเกิ้ลมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศอังกฤษ โดยเริ่มแรกถูกเพาะพันธุ์มาเพื่อล่ากระต่ายป่า พวกเค้าถูกจัดอยู่ในกลุ่ม ‘สุนัขล่าเหยื่อด้วยกลิ่น’ เพราะประสาทด้านการรับกลิ่นที่เป็นเลิศ นอกจากนี้สุนัขบีเกิ้ลยังมีทักษะการติดตามแกะรอยที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย และด้วยข้อดีทั้งหมดที่ว่ามานี้ ทำให้พวกเค้ากลายเป็นนักล่าที่เก่งกาจ

สุนัขบีเกิ้ลจัดเป็นสุนัขสายพันธุ์กลาง ขึ้นชื่อเรื่องความเฉลียวฉลาด จุดเด่นของบีเกิ้ลคือใบหูที่พับลงมาชิดกับหัว และดวงตากลมโตที่พร้อมจะละลายใจทุกคนที่เผลอมาสบตา ถึงแม้พวกเค้าจะมีขนสั้น ไม่หนา แต่มีขนร่วงบ่อย เจ้าของจึงควรใส่ใจดูแลและกรูมมิ่งให้พวกเค้าเป็นประจำ 

เมื่อพูดถึงสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล อุปนิสัยที่โดดเด่นคือ ความซุกซน ขี้เล่น  พวกเค้าชอบใช้เวลาร่วมกับเจ้าของ และค่อนข้างเป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น พวกเค้าเป็นตัวเลือกที่สำหรับเจ้าของส่วนใหญ่ เนื่องจากไม่ค่อยมีปัญหาด้านสุขภาพ ดูแลง่าย ปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศต่าง ๆ ได้ดี แต่สุนัขบีเกิ้ลเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน และจำเป็นต้องปลดปล่อยพลังเหล่านั้นออกมา นั่นหมายความว่าเจ้าของต้องหมั่นหากิจกรรมให้พวกเค้าทำเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าบีเกิ้ลของคุณได้ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ และมีสุขภาพที่แข็งแรง

 

ภาพรวมที่สำคัญของสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล:

  • น้ำหนัก:

    น้ำหนักโดยเฉลี่ยของสุนัขบีเกิ้ลจะอยู่ที่ประมาณ 10.0 – 11.3 กก.

  • ส่วนสูง:

    ส่วนสูงโดยเฉลี่ยของสุนัขบีเกิ้ลคือ 13 – 15 นิ้ว

  • อายุขัย:

    บีเกิ้ลมีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 12 – 15 ปี

  • ขน:

    สุนัขพันธุ์บีเกิ้ลมีขนสั้น และนุ่มน่าสัมผัส

ลักษณะพฤติกรรมของสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล:

มาทำความรู้จักกับลักษณะที่แสนโดดเด่นของเหล่าสุนัขพันธุ์บีเกิ้ลกันได้เลย –

  • สุนัขบีเกิ้ลเป็นมิตรกับเด็ก เพื่อนสุนัข และแมวเหมียว
  • มีนิสัยซุกซน ขี้เล่น แต่ก็อ่อนโยน
  • บีเกิ้ลมีพลังงานเยอะ และต้องออกกำลังกายเป็นประจำ
  • สุนัขพันธุ์บีเกิ้ลเห่าบ่อย เนื่องจากค่อนข้างตื่นตัวกับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ
  • บีเกิ้ลขึ้นชื่อเรื่องความเฉลียวฉลาด และชอบอยู่กับผู้คนมากกว่าอยู่เพียงลำพัง

ลักษณะของสุนัขบีเกิ้ล:

ลักษณะทางกายภาพ

– ขนาดตัวของสุนัขบีเกิ้ลถูกแบ่งออกเป็น 2 ขนาด โดยขนาดแรกจะมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ประมาณ 9 กก. หรือน้อยกว่า ส่วนขนาดที่สองคือน้ำหนักตัวระหว่าง 9 - 15.8 กก. ถึงแม้จะไม่ใช่สุนัขตัวใหญ่ แต่อย่าประเมินพวกเค้าต่ำไปหล่ะ เพราะบีเกิ้ลทั้งแข็งแรงและมีพลังงานสูงมาก ถัดจากเรื่องขนาดตัวก็ต้องพูดถึงลักษณะขน พวกเค้ามีขนสองชั้น สั้น เรียบแน่น แต่มีสีขนที่หลากหลาย เช่น -

  • สีดำและน้ำตาลไหม้
  • สีดำ น้ำตาลแดง และขาว
  • สีดำ น้ำตาลไหม้ และแต้มจุด
  • สีดำ น้ำตาลไหม้ และขาว
  • สีดำ ขาว และน้ำตาลไหม้
  • สีน้ำตาลและขาว
  • สีน้ำตาล ขาว และน้ำตาลไหม้
  • สีน้ำตาลเหลืองและขาว
  • สีขาวและน้ำตาลแดง
  • สีน้ำตาลไหม้และขาว
  • สีเทาหม่นและขาว

เราอาจพบลวดลายบนขนของสุนัขบีเกิ้ลบางตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลายจุด แต่ก็อาจพบลวดลายดังต่อไปนี้ได้ด้วยเช่นกัน -

  • รอยด่าง
  • แต้มขนสีขาว
  • แต้มขนสีน้ำตาลไหม้
  • แต้มขนสีน้ำตาล
  • แต้มขนสีดำ

หากต้องการยืนยันว่าเรากำลังเลี้ยงบีเกิ้ลพันธุ์แท้ คุณสามารถสังเกตจากลักษณะบ่งชี้เหล่านี้ได้เลย -

  • ปลายหางของบีเกิ้ลพันธุ์แท้จะมีสีขาวเสมอ
  • อุ้งเท้าทั้งสี่ข้างก็จะมีสีขาวเช่นเดียวกัน
  • ใบหูมีขนนุ่ม และพับลงมาชิดกับหัว แตกต่างจากสุนัขพันธุ์อื่น
  • ขามีขนาดสั้นกว่าลำตัว
  • บีเกิ้ลพันธุ์แท้จะมีลายขนสีขาวบนหัว ทั้งนี้อาจพบได้ในพันธุ์ผสมบางตัวเช่นกัน

พฤติกรรม

– สำหรับบีเกิ้ล อุปนิสัยที่โดดเด่นเลยคือ ความร่าเริง สดใส และซุกซน พวกเค้าเป็นเพื่อนเล่นที่ดีทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่ การเลี้ยงบีเกิ้ลนั้น เจ้าของต้องมีเวลาเล่นกับพวกเค้าอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นวิ่งไล่จับหรือคาบจานร่อน อีกหนึ่งพฤติกรรมที่พบได้ของบีเกิ้ลคือเห่าเก่ง เพราะพวกเค้ามีนิสัยตื่นตัวและมีประสาทการรับรู้ที่ไวมาก หากไม่ได้รับการฝึกอย่างเหมาะสม สัญชาตญาณความเป็นนักล่าของบีเกิ้ลอาจสร้างปัญหากวนใจให้สัตว์เลี้ยงตัวอื่นได้ และมีแนวโน้มว่าจะเห่าเพิ่มมากขึ้นด้วย พวกเค้าไม่ชอบอยู่ตามลำพังเป็นเวลานาน ๆ หากถูกปล่อยไว้นานเกินไป พวกเค้าจะร้องตะโกนและเห่าเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว โดยรวมแล้วบีเกิ้ลเป็นสุนัขที่ใช้ประสาทสัมผัสการรับรู้ค่อนข้างมาก และชอบทำกิจกรรมเป็นที่สุด โดยเฉพาะการออกสำรวจสิ่งต่าง ๆ นอกบ้าน

การดูแลสุนัขบีเกิ้ล:

หากคุณต้องการเลี้ยงบีเกิ้ล เรื่องราวเหล่านี้คือสิ่งที่คุณควรรู้:

  • สุขภาพ

    – สุนัขบีเกิ้ลไม่ค่อยมีปัญหาสุขภาพทางพันธุกรรม แต่เช่นเดียวกับสุนัขทุกสายพันธุ์ บีเกิ้ลเองก็มีโรคที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งก็คือโรคทางพันธุกรรมที่ชื่อว่า Musladin-Lueke Syndrome โดยจะส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อ อวัยวะ กระดูก และผิวหนังของพวกเค้า นอกจากนี้ด้วยนิสัยกินเก่ง กินเยอะ บีเกิ้ลจึงมีแนวโน้มที่จะอ้วนได้ง่าย เจ้าของจึงควรกำหนดปริมาณอาหารในแต่ละวันให้เหมาะสม ส่วนปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่อาจพบได้จะมีไฮโปไทรอยด์ โรคลมชัก ข้อสะโพกเสื่อม และโรคสะบ้าเคลื่อน

  • กรูมมิ่ง

    – บีเกิ้ลมีขนสั้น ไม่หนามาก จึงทำให้ปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศต่าง ๆ ได้ดี แต่ปัญหาอย่างเดียวคือขนร่วง ดังนั้นเจ้าของที่เลี้ยงบีเกิ้ล ต้องหมั่นแปรงขนให้พวกเค้าเป็นประจำ หรือประมาณ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้มั่นใจว่าขนสะอาดและอยู่ในสภาพที่ดี เนื่องจากมีขนสองชั้น ขนจึงอาจร่วงหนักมากในช่วงฤดูใบไม้ผลิ คุณอาจต้องแปรงขนให้พวกเค้าบ่อยขึ้นในช่วงนี้ บีเกิ้ลไม่จำเป็นต้องอาบน้ำบ่อย เว้นเสียแต่ว่าพวกเค้าจะเล่นซนจนเนื้อตัวมอมแมม หรือขนเต็มไปด้วยโคลน ส่วนเล็บควรตัดเป็นประจำ ไม่ควรปล่อยให้ยาวจนเกินไป สุดท้ายคือควรดูแลทำความสะอาดใบหูทุกสัปดาห์ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เพราะใบหูที่ห้อยลงมา ปิดกั้นการไหลเวียนของอากาศภายในหู ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อที่หูได้ คุณควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำหรือวิธีทำความสะอาดใบหูที่ถูกต้อง

  • การออกกำลังกาย

    – บีเกิ้ลมีความต้องการออกกำลังกายสูง เนื่องจากเป็นสุนัขที่พลังงานเยอะ พวกเค้าต้องได้เดินอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง จะเป็นการเดินเล่นในสวนหรือเดินในละแวกบ้านของคุณก็ได้ การเดินเล่นจะช่วยให้พวกเค้าแข็งแรง และมีความสุขมาก ๆ ข้อควรระวังในการเดินเล่นกับบีเกิ้ลคือ ต้องใส่สายจูงทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเค้าวิ่งเตลิดหรือออกวิ่งไล่ล่าเหยื่อ

  • โภชนาการ

    – บีเกิ้ลเป็นจอมตะกละที่พร้อมจะกินทุกอย่างที่ขวางหน้า เพื่อให้ได้ปริมาณอาหารที่เพียงพอและเหมาะสม แนะนำให้แบ่งมื้ออาหารออกเป็น 2 มื้อต่อวัน และควรเป็นอาหารเม็ดปริมาณ ¾ ถ้วยต่อมื้อ เช่นเดียวกับสุนัขพันธุ์อื่น สำหรับบีเกิ้ลอาหารที่พวกเค้าควรได้รับจะขึ้นอยู่กับช่วงวัย ไลฟ์สไตล์ ขนาดตัว และอายุ

  • การฝึก

    – บีเกิ้ลเป็นสุนัขที่เฉลียวฉลาด แต่ฝึกค่อนข้างยาก เพราะสัญชาตญาณความเป็นนักล่าในตัว ทำให้พวกเค้ามักออกไปสำรวจสิ่งต่าง ๆ ตามใจชอบ มากกว่าทำตามคำสั่ง คุณอาจต้องใช้ขนมเป็นตัวช่วยดึงดูดความสนใจพวกเค้ามากหน่อย รวมถึงอาจฝึกผ่านการเล่นเกมที่น่าสนใจและสร้างความสนุกสนานได้ดี

ประวัติความเป็นมาของสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล:

สุนัขบีเกิ้ลถูกเพาะพันธุ์ครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 16 โดยเริ่มแรกถูกใช้เป็นสุนัขล่าเหยื่อ พวกเค้าถูกฝึกให้ล่ากระต่ายป่า และสัตว์ขนาดเล็กชนิดอื่น ชาวอังกฤษผู้มั่งคั่งมักเลี้ยงฝูงบีเกิ้ลเพื่อใช้ในการล่าสัตว์โดยเฉพาะ ต่อมาสุนัขพันธุ์บีเกิ้ลเริ่มเป็นที่รู้จักกันในฝั่งอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเค้าได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ให้เป็นสัตว์เลี้ยงในบ้าน จนกลายเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่คนนิยมเลี้ยงกันมากที่สุด เชื่อกันว่าสายพันธุ์บีเกิ้ลในปัจจุบันเป็นลูกผสมระหว่างสุนัขล่าเนื้อในยุโรปและอังกฤษ ตัวการ์ตูนอย่าง สนูปปี้ เป็นสิ่งที่การันตีความโด่งดังของสุนัขบีเกิ้ลได้เป็นอย่างดี และสุนัขพันธุ์บีเกิ้ลยังมีโอกาสได้โลดแล่นในภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง จอห์นวิค และไชโลห์ เพื่อนรักหูตูบ สิ่งเหล่านี้ล้วนสะท้อนให้เห็นความนิยมของบีเกิ้ลในช่วงปี 1950 นอกจากบทบาทนักแสดงแล้ว สหรัฐอเมริกายังใช้สุนัขบีเกิ้ลในการดมกลิ่นเพื่อตรวจจับรายการอาหารต้องห้ามในกระเป๋าเดินทางอีกด้วย

อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความแตกต่างของพันธุ์สุนัขทั้งหมดใช่ไหม? ที่หน้าสายพันธุ์สุนัขของเรามีข้อมูลทุกอย่างที่คุณควรรู้เกี่ยวกับพวกเขา

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล:

สุนัขบีเกิ้ลเข้ากับสัตว์เลี้ยงอื่นได้หรือไม่?

ได้เป็นอย่างดีเลย บีเกิ้ลเข้ากับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นได้ดี ด้วยนิสัยที่เป็นมิตรของพวกเค้า บวกกับถูกเพาะพันธุ์ให้อยู่เป็นกลุ่มเป็นฝูงด้วย

สุนัขบีเกิ้ลเหมาะสำหรับเลี้ยงในครอบครัวหรือไม่?

สุนัขบีเกิ้ลสามารถอยู่ตามลำพังได้หรือไม่?

การกรูมมิ่งสุนัขบีเกิ้ลเป็นเรื่องง่ายจริงหรือไม่?

สุนัขบีเกิ้ลเห่าบ่อยหรือไม่?

รับบัตรกำนัลส่วนลดฟรี!

คลิกลงทะเบียนด้านล่างเพื่อรับบัตรกำนัลส่วนลดฟรี

ลงทะเบียน
popup bg
Pedigree imagery
ช้อปผลิตภัณฑ์เพดดิกรี®